มาตรการในการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน

มาตรการในการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน

มาตรการในการดำเนินคดีกับผู้กระทาความผดิฐานทุจริตให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน The Measurement in Pursuing a Legal Action against an Offender for Committing Malfeasance in Office Conforming to the Anti-money Laundering Act ในสภาวะปัจจุบันการประกอบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจซึ่งรวมถึงกระทาความผิดกฎหมายเกี่ยวกับ “การทุจริต” ที่มีโครงสร้างการกระทาความผิดเป็นลักษณะร่วมกันกระทาเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน และมีวิธีการกระทาความผิดที่มีการพัฒนาทำให้ยากในการดาเนินการปราบปรามประกอบกับกลุ่มผู้กระทำความผิดที่มีทั้งอิทธิพลทางการเงินและทางการเมืองสูงเพื่อให้ได้เงินหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทาความผิดฐานทุจริตนั้นมากระทำการในรูปแบบต่างๆ อันเป็นการฟอกเงิน หรือเพื่อนำเงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดฐานทุจริตไปใช้เป็นประโยชน์ในการกระทาความผิดต่อไปได้อีก รวมทั้งเพื่อปกปิดอาพรางการกระทำผิดของตน ทำให้ยากต่อการปราบปรามการกระทาความผิดมากขึ้น กฎหมายฟอกเงินหรือพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ.๒๕๔๒ คือกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันและตอบโจทย์ในการปราบปรามการทุจริตอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อเป็นการตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเกี่ยวการทุจริตในหลายๆคดี เช่นคดีทุจริตจานาข้าว คดีทุจริตเงินทอนวัด คดีทุจริตคลองด่าน คดีทุจริตเงินคนจน คดีทุจริตเงินซื้อยากาจัด ศัตรูพืช เป็นต้น การบังคับใช้กฎหมายฟอกเงินสามารถดาเนินการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจะทาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลโดยอาศัยกฎหมาย ฟอกเงินเพียงอย่างเดียวหาอาจทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอไม่ ผู้เขียนเห็นว่าการหามาตรการ ในการดาเนินคดีกับผู้กระทาผิดฐานทุจริตซึ่งเป็นคดีมูลฐานตามมาตรา๓(๕)แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องหาหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) มาบูรณาการทางานร่วมกัน Read more…

ประเภทอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายคณะสงฆ์ของประเทศไทย

ประเภทอสังหาริมทรัพย์ ตามกฎหมายคณะสงฆ์ของประเทศไทย

ประเภทอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายคณะสงฆ์ของประเทศไทย บทบัญญัติของกฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ได้มีการแบ่งประเภทที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้ (1) ที่วัด หมายถึงที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อันเป็นที่ตั้งของวัดตลอดจนขอบเขตของวัดนั้นและเป็นที่ชึ่งมีที่ตั้งของวัดหนึ่งวัดใดเป็นการเฉพาะ (2) ที่ธรณีสงฆ์ หมายถึงที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นสมบัติของวัดแต่ไม่ใช่ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด เช่นที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นผู้อุทิศให้แก่วัดใดวัดหนึ่งเป็นการเฉพาะจึงถือได้ว่าเป็นสมบัติของวัดนอกจากนี้ใครจะยึดครองหรือโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ (3) ที่กัลปนา หมายถึงที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้อุทิศให้เฉพาะแต่ผลประโยชน์ให้กับวัดหรือพระพุทธศาสนา ที่กัลปนาจึงไม่ถือว่าเป็นที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทรัพย์สินของวัดเป็นได้แต่เฉพาะให้วัดหรือพระพุทธศาสนาได้รับเพียงประโยชน์จากที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นแต่ถ้าหากภายหลังเจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้มีการอุทิศยกที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นให้กับวัดแล้ว ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นจะกลายเป็นที่ธรณีสงฆ์ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ทันที (4) ที่ศาสนสมบัติกลาง หมายถึงทรัพย์สินหรืออสังหาริมทรัพย์ของพระพุทธศาสนาซึ่งมิใช่ของวัดใดวัดหนึ่งเป็นการเฉพาะ เช่นวัดที่ถูกยุบไปแล้วที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นจะกลายเป็นศาสนสมบัติกลาง จากประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่กล่าวข้างต้นแล้วมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ และที่ศาสนสมบัติกลาง ดังนี้ ฎีกาที่ 966/2474 ที่วัดร้างนั้น แม้ผู้ใดจะเข้าถืออำนาจปกครองมานานตั้ง 20 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์อัยการมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกเข้าปกครองที่วัดร้างได้ ฎีกาที่ 986/2474 ที่ดินซึ่งวัดได้ปกครองมาช้านาน โดยไม่ปรากฏว่าได้มาทางจับจองหรือมีบุคคลอุทิศให้ ดังนี้ สันนิษฐานว่า ที่นั้นเป็นที่ธรณีสงฆ์ ที่ธรณีสงฆ์ของวัดนั้น ท่านว่าผู้หนึ่งผู้ใดจะอ้างอำนาจปกครองโดยปรปักษ์หาได้ไม่ ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกธรณีสงฆ์แทนวัดได้ ฎีกาที่ 1253/2481 วัดเป็นนิติบุคคล ตาม ป.พ.พ. Read more…

อสังหาริมทรัพย์และการขายทอดตลาด

อสังหาริมทรัพย์และการขายทอดตลาดของประเทศไทย

อสังหาริมทรัพย์และ การขายทอดตลาด จากหน่วยบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทย ในปัจจุบันประเทศไทยมีหน่วยบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการยึดทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ประกอบไปด้วย   1. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 2. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 3. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 4. กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง 5. กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม     นอกจากนี้ยังมีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานที่รับทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์จากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นเพื่อนำทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์มาบริหารจัดการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ต่อมาสิ่งที่เกิดคำถามว่าทำไมประชาชนบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ถึงต้องถูกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้มารบกวนสิทธิได้ คำตอบคือ เพราะเหตุที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองกระทำฝ่าฝืนกฎหมายหรือกฎหมายได้บัญญัติให้เจ้าพนักงานตามกฎหมายมีอำนาจในการเอาทรัพย์สินไปจากการครอบครองของบุคคลนั้นได้ ดังนี้ 1. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นหน่วยบังคับใช้กฎหมายกับอสังหาริมทรัพย์จากบุคคลผู้กระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เมื่อเจ้าพนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้ยึดอสังหาริมทรัพย์ของผู้กระทำผิดแล้ว ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้อสังหาริมทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว จะต้องนำอสังหาริมทรัพย์นั้นส่งให้กับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังต่อไป 2. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับอสังหาริมทรัพย์ของผู้กระทำผิดมูลฐานหรือผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์และเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้หรือใช้ในการกระทำความผิดมูลฐานหรือกระทำผิดฐานฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ยึดทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ของผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือกระทำความผิดฐานฟอกเงินหรืออสังหาริมทรัพย์ของผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์แล้วต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้อสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นของแผ่นดินแล้ว จะต้องส่งอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ยึดให้กับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ต่อไป 3. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ซึ่งต่อมาหากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว Read more…

อสังหาริมทรัพย์ภาครัฐ และอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนของประเทศไทย

อสังหาริมทรัพย์ภาครัฐ และอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนของประเทศไทย

คำว่า”อสังหาริมทรัพย ”ที่เป็น”ที่ดิน”ในประเทศไทยมีการจำแนกออกเป็น 2 ประเภท คือ ที่ดินภาครัฐและที่ดินภาคเอกชน อสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินภาครัฐ หมายถึงอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินที่ภาครัฐเป็นเจ้าของและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยมีกฎหมายให้อำนาจหน่วยงานภาครัฐเป็นการเฉพาะในการกำกับดูแลรักษา ดังต่อไปนี้ 1. ที่ป่าไม้ มีหน่วยงานรับผิดชอบและมีอำนาจดูแลคือกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอำนาจดูแลพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 2.ที่อุทยานแห่งชาติ มีหน่วยงานรับผิดชอบและมีอำนาจดูแล คือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กนะทรงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2546 พระราชบัญญัติงาช้าง 2558 3.ที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ที่ ส.ป.ก.) มีสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจดูแลตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 4.ที่นิคมสร้างตนเอง มีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจดูแลตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. Read more…

อสังหาริมทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ของประเทศไทย

อสังหาริมทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ของประเทศไทย

อสังหาริมทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ของประเทศไทย   ความหมายอสังหาริมทรัพย์ มีดังนี้ ที่ดินและทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวรหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดิน เช่น บ้าน ตึก คอนโดมิเนียม กำแพง รั้ว ทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับที่ดิน เช่น กรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครอง ภารจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน ภารติดพันในอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดิน เช่น หิน กรวด ทราย ตลอดจนแร่ธาตุๆที่อยู่บนที่ดิน   นอกจากนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดหลักการครอบครองและกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ไว้ดังนี้ หากบุคคลมีชื่อทางทะเบียนที่ดินให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง หากบุคคลใดครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา 10 ปี บุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์   เนื้อหาบทความ โดย ดร.สุนทรา พลไตร   ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ กฏหมายเกี่ยวกับอสังหาฯ สำนักอบรมกฎหมายและคณะนิติศาสตร์ หลักสูตรอบรม เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์

thThai